| “สุชาติ” แนะมหา’ลัยหาสถาบันทดสอบที่เชื่อใจ จัดสอบรับตรงที่เดียวและนำผลใช้กับทุกมหา’ลัย เพื่อลดปัญหาเด็กวิ่งรอกสอบ เปิดทางมหา’ลัย.นอกระบบและหาทางเพิ่มรายได้ให้ตนเองไม่ใช่ของบรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ขณะที่ ทปอ.มีมติปรับค่าน้ำหนักองค์ประกอบกลุ่มสาขาวิชาในการสอบแอดมิชชัน เริ่มใช้ปี 56 ย้ำไม่ต้องประกาศล่วงหน้า 3 ปีเพราะไม่ได้ปรับองค์ประกอบใหญ่ | ||
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่อาคารโดมบริหาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังมอบนโยบายที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ว่า ได้มอบนโยบายให้มหาวิทยาลัยไปปรับระบบรับตรงของแต่ละแห่ง แทนที่จะจัดสอบเองซึ่งทำให้เด็กต้องวิ่งสอบหลายแห่งสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ก็ให้มาใช้คะแนนที่จัดสอบโดยสถาบันทดสอบกลางซึ่งมหาวิทยาบันยอมรับและเชื่อถือ มาเป็นผู้จัดสอบแทน ซึ่งหากมหาวิทยาลัยไม่มั่นใจก็อาจจะไปร่วมดำเนินการจัดสอบเพื่อให้เกิดความยุติธรรมก็ย่อมได้ ซึ่งวิธีการนี้ตนเชื่อว่าจะช่วยลดภาระเด็ก และลดการเรียนกวดวิชาลงไปได้ “ระบบสอบรับตรงของมหาวิทยาลัย ขณะนี้ทำให้เด็กต้องวิ่งสอบ 20 ที่ ต้องเรียนพิเศษ 20 แบบ สำหรับเด็กเก่งก็คงสอบได้ทุกที่แต่ถ้าเด็กไม่เก่งจะทำยังไง เพราะฉะนั้น น่าจะให้สำนักทดสอบที่เป็นที่น่าเชื่อถือ เป็นผู้จัดสอบแล้วนำผลการสอบนั้นมาใช้กับการรับตรงของทุกมหาวิทยาลัย หน่วยงานที่จัดสอบอาจจะเป็นสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ซึ่งจัดการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-Net และการทดสอบความถนัดทั่วไป หรือ GAT การทดสอบความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการ หรือ PAT อยู่แล้ว เป็นต้น”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว ศ.ดร.สุชาติ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ตนยังได้รับปากกับ ทปอ.จะไปคุยกับสำนักงบประมาณเพื่อหาทางขึ้นเงินเดือนให้พนักงานราชการอีก 5% ให้สอดรับกับที่ข้าราชการได้ปรับเงินเดือน 5% เมื่อเดือนเมษายน 2554 แต่พนักงานมหาวิทยาลัยส่วนหนึ่งที่มีฐานะเทียบเท่ากับข้าราชการไม่ได้ปรับด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหานี้เกิดขึ้นเป็นประจำทุกครั้ง เข้าใจว่าสาเหตุเพราะสำนักงบประมาณลืมที่จะคิดถึงพนักงานราชการของมหาวิทยาลัย จึงไม่ได้กำหนดให้การขึ้นเงินเดือนข้าราชการครอบคลุมพนักงานมหาวิทยาลัยด้วย เพราะฉะนั้น ระยะยาว ทปอ.ควรจะไปคุยกันสำนักงบประมาณเพื่อฝังแนวคิดให้สำนักงบประมาณเข้าใจว่าการเพิ่มเงินเดือนต้องครอบคลุมถึงพนักงานมหาวิทยาลัยด้วย “ส่วนมหาวิทยาลัยจะออกนอกระบบ ก็สามารถดำเนินการได้ผมก็ยินดี แต่ขอเพียงอย่างเดียวอย่ามาของบประมาณเพิ่ม ผมมีข้อเสนอว่า มหาวิทยาลัยควรจะดูแลตัวเองได้ส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะมหาลัยที่ออกนอกระบบไปแล้วก็ไปปรับค่าบริการต่าง ๆ และใช้งบรายได้ของมหาวิทยาลัยเป็นค่าใช้จ่าย ส่วนเรื่องที่ ทปอ.เสนอว่าอยากให้ช่วยเจรจาเรื่องการจ่ายเงินสมทบค่าก่อสร้างที่มหาวิทยาลัยจะต้องสมทบจ่ายเพิ่มเติมจากที่รัฐจัดสรรให้นั้น ทาง ทปอ.เสนอว่าอยากขอให้ปรับลดให้มหาวิทยาลัยร่วมสมทบในอัตราที่ 40% ซึ่งผมรับปากจะไปเจรจาให้เช่นกัน นอกจากนั้น ในส่วนของการเลื่อนเปิดเทอมให้ตรงกับประเทศกลุ่มสมาชิกอาเซียนและสากลเป็นช่วงเดือน สิงหาคมถึงกันยายน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าได้หารือกับ นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ในเรื่องนี้ บอกว่าระดับการศึกษาจะเลื่อนตามหรือไม่เลื่อนตามก็ได้ แต่ขณะนี้ ทาง ทปอ.ยืนยันว่าการศึกษาพื้นฐานไม่จำเป็นต้องเลื่อนเพื่อให้เด็กได้เรียนครบตามหลักสูตร ซึ่งผมจะไปหารือกับ สพฐ. อีกครั้ง” ศ.ดร.สุชาติ กล่าว ด้าน ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะประธาน ทปอ. กล่าวภายหลังประชุม ว่า ทปอ.มีมติเห็นชอบปรับค่าน้ำหนักขององค์ประกอบกลุ่มสาขาวิชาในการแอดมิชชั่น ปีการศึกษา 2556 ในบางสาขา กลุ่มที่ 1 วิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่ปรับ คือ สัตวแพทยศาสตร์ สหเวชศาสตร์ สาธารณสุขศาสตร์ เทคนิคการแพทย์ วิทยาศาสตร์การกีฬา คะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือ GPAX 20% คะแนนทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-NET 30% คะแนนการทดสอบความถนัดทั่วไปหรือ GAT 20% และคะแนนการทดสอบความถนัดทางวิทยาศาสตร์ PAT2 30% เภสัชศาสตร์ GPAX 20% , O-NET 30% ,GAT 10% และPAT2 40% กลุ่มที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพ ปรับสาขา วิทยาศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ GPAX 20% , O-NET 30%, GAT 10% และPAT1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์ 10% และPAT2 30% สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ GPAX 20% , O-NET 30% ,GAT 10% ,PAT1 20% และ PAT2 20% กลุ่มที่ 5 เกษตรศาสตร์ ปรับสาขา เกษตรศาสตร์ อุตสาหกรรมการเกษตร วนศาสตร์ เทคโนโลยีการเกษตร GPAX 20% O-NET 30% GAT 10% และPAT1 10% และPAT2 30% กลุ่มที่ 7 ครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ พลศึกษา สุขภาพ รูปแบบที่ 1 GPAX 20%, O-NET 30% ,GAT 10% และPAT5 30% รูปแบบที่ 2 GPAX 20% , O-NET 30% ,GAT 10% และPAT5 20% และต้องเลือกสอบ PAT 1/2/3/4/6/7 วิชาใดก็ได้ 1 วิชา กลุ่มที่ 8 ศิลปกรรมศาสตร์ ปรับ สาขา วิจิตรศิลป์ ศิลปะประยุกต์ ดุริยางศิลป์ นาฎศิลป์ ศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ และศิลปะการออกแบบหัตถอุตสาหกรรม GPAX 20% , O-NET 30%, GAT 10% และเลือกสอบPAT4 หรือ 6 เพียง 1 วิชา 40% และกลุ่มที่ 9 มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขา นิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศิลปะศาสตร์ มนุษยศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ สังคมวิทยา สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ปรับพื้นฐานวิทยาศาสตร์ GPAX 20%, O-NET 30%, GAT 30% และPAT1 20% พื้นฐานศิลปะศาสตร์ รูปแบบที่ 1 ไม่มีการปรับเปลี่ยน รูปแบบที่ 2 GPAX 20% ,O-NET 30% ,GAT 30% และPAT7 20% ศ.ดร.สมคิด กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ค่าน้ำหนักองค์ประกอบที่ปรับครั้งนี้จะใช้ในการแอดมิชชั่นปีการศึกษา 2556 โดยการปรับดังกล่าว เพื่อให้คณะสามารถคัดเลือดเด็กได้ตรงตามความถนัดที่แท้จริง และถือว่าเป็นการปรับเล็ก ไม่ใช่การปรับใหญ่ดังนั้น ทปอ. ไม่จำเป็นต้องประกาศให้ทราบล่วงหน้า 3 ปี ส่วนการปรับองค์ประกอบแอดมิสชั่นส์ใหญ่นั้น ทปอ.ยังไม่ได้หารือ ส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรปรับบ่อยเพราะจะทำให้เกิดความสับสนและไม่เป็นธรรมแก่เด็ก แต่หากใช้ไปสักระยะแต่พบว่าเกิดปัญหาก็ค่อยปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อไป “กรณีที่ รมว.ศึกษาธิการ ระบุว่าอยากให้มหาวิทยาลัยดูแลตัวเอง โดยเฉพาะมหาลัยที่ออกนอกระบบไปแล้วก็ไปปรับค่าบริการต่าง ๆ และใช้งบรายได้ของมหาวิทยาลัยเป็นค่าใช้จ่ายนั้น ขณะนี้มหาวิทยาลัยก็พึ่งตนเองเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว แต่ประเด็นที่ รมว.ศึกษาธิการ พูด คืออยากให้มหาวิทยาลัยไประดมทุนจากศิษย์เก่า ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะหมายความถึงการขึ้นค่าหน่วยกิต แต่การขึ้นค่าหน่วยกิตก็มีความจำเป็น เพราะบางแห่งค่าหน่วยกิตเพียง 300 บาท แต่ปัจจุบันต้นทุนการผลิตนักศึกษาแต่ละคนอยู่ที่ 800-1,000 บาทต่อหน่วยกิต ดังนั้นหากมหาวิทยาลัยที่มีรายได้ไม่เพียงพอก็จำเป็นต้องขึ้น แต่สำหรับบางแห่งที่ยังมีรายได้ไม่เพียงพอการขึ้นค่าหน่วยกิตก็เป็นสิ่งจำเป็น”ประธาน ทปอ. กล่าว |
2/18/2555
มติทปอ.ประกาศปรับค่าน้ำหนักสาขาวิชาสอบแอดมิชชัน เริ่มปี 56
10 อันดับของเมาส์ ที่ราคาแพงที่สุด
เชื่อว่าคนที่เล่นคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่คงไม่มีใครไม่รู้จักเมาส์ ที่ใช้ในการควบคุมหน้าจอเดสทอป วันนี้มีเรื่องแปลกๆ มาฝากครับเป็นการรวม 10 อันดับของเมาส์ที่แพงที่สุดในโลก แน่นอนว่าราคาไม่ธรรมดาแน่ๆ แต่บางตัวนั้น แม้เราจะมีเงินถึงแต่ก็ไม่สามารถหาซื้อได้ เพราะเป็นรุ่น Limited Edition ที่ผลิตมาเพียงไม่กี่ชิ้น เอาเป็นว่าดูเพื่อความบันเทิงเริงใจ ก็แล้วกันครับ :)
1. Logitech Air 3D Laser Mouse in Gold Case (725,400 บาท)
เป็นเมาส์ยี่ห้อ Logitech ทำมาจากทองคำ !!
2. Gigabyte bling-bling GM-M7800S wireless mouse (555,300 บาท)
เมาส์ยี่ห้อ Gigabyte ครับเป็นไวเลสทำจากหนังแท้ แนวคลาสสิค
3. The Gold Bullion Wireless Mouse ( 1,105,050 บาท)
เป็นเมาส์ไวลเสครับ ทำมาจากทองคำ รูปทรงคล้ายๆ ทองแท่ง ราคาหลักล้านบาท เลยทีเดียว
.jpg)
4. USB mouse covered with white gold (801,900 บาท)
ตัวนี้เป็นเมาส์สาย USB ทำมาจากทองคำขาว ราคาแปดแสนกว่าบาท !!
5. Black Diamond Logitech mouse (955,200 บาท)
เมาส์ฝังเพชรจากยี่ห้อ Logitech ราคาเฉียดล้าน !!
6. MJ- Luxury VIP Mouse (1,034,400 บาท)
ชื่อก็บอกแล้วครับตัวนี้ว่าเป็น VIP Mouse ทำมาจากเพชรและทองคำ ราคาล้านกว่าบาท
7. Python Leather Mouse by MJ (535,200 บาท)
ทำมาจากหนังครับตัวนี้ ราคาเบาะๆ ครึ่งล้าน !!
8. Gold Metal Sun Mouse from MJ777 edition (591,600 บาท)
ตัวนี้เป็นรูปทรงพระอาทิตย์ ทำมาจากทองคำ สนนราคาเกือบ 6 แสนบาท
9. MJ Blue Sapphire Mouse (838,200 บาท)
.jpg)
10. Crocodile skin Gold Mouse Ferrari (517,740 บาท)
ทำมาจากหนังจรเข้แท้ครับตัวนี้ ครึ่งล้าน
Credit : postjung
สุดยอดภาพถ่าย Amazing HDR Photography
อะไรคือ HDR?
คำว่า Dynamic Range เป็นศัพท์เทคนิคของการถ่ายภาพ หมายถึง อัตราส่วนระหว่างความเข้มของแสงสูงสุด ต่อ ความเข้มของแสงต่ำสุด ที่เซ็นเซอร์ของกล้องดิจิตอลจะสามารถบันทึกได้ในการถ่ายภาพครั้งเดียว ปัญหาของกล้องถ่ายภาพดิจิตอลคือ ภาพถ่ายวิวทิวทัศน์ต่างๆ นั้น มีระดับของสีที่แตกต่างกันมากเกินกว่าที่เซ็นเซอร์ของกล้องดิจิตอลจะสามารถจับมาได้หมดในการถ่ายภาพครั้งเดียว ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้เกิดขึ้นไม่เว้นแม้แต่กล้องดิจิตอลระดับ DSLR (Digital Single Lens Reflect)
[บน] ระดับความสว่างที่ของภาพวิวทิวทัศน์ปกติ [ล่าง] ระดับความสว่างของภาพวิวทิวทัศน์ที่กล้องดิจิตอลรับได้
ดังนั้น จึงมีการคิดค้นการถ่ายภาพแบบ High Dynamic Range เป็นความพยายามในการชดเชยข้อจำกัดดังกล่าวของเซ็นเซอร์กล้องถ่ายภาพแบบดิจิตอล
หากนึกไม่ออก ลองดูภาพด้านล่างนี้นะครับ ในภาพนี้เพื่อให้สามารถเห็นรายละเอียดของแถวคนที่มารอคิวเข้าซื้อ Krispy Kreme ผมจึงเซ็ตกล้องให้เน้นไปที่บริเวณกลุ่มคนซึ่งเป็นบริเวณที่ค่อนข้างมืด ดังนั้นกล้องก็เลยพยายามจะเร่งภาพให้สว่าง ผลที่ได้ก็คือ จะเห็นว่าตรงท้องฟ้าจะสว่างเวอร์มาก จนรายละเอียดของตึกที่อยู่ด้านหลังนั้นหายไปบางส่วนเลยทีเดียวแต่ถ้าหากผมต้องการให้เห็นภาพของตึกด้านหลังชัดๆ ผมก็จะต้องเซ็ตกล้องให้เน้นไปที่แถวๆ ยอดตึก หรือท้องฟ้า แต่นั่นก็จะทำให้ภาพคนที่กำลังต่อแถวซื้อ Krispy Kreme ที่ผมต้องการถ่ายมืดไปทันตา
ดังนั้นจึงเป็นคราวของ HDR ที่จะต้องเข้ามาช่วยผมแล้วครับ ... เมื่อเปิดการใช้งานคุณสมบัติ HDR ของ iPhone 4 iOS4.1 แล้ว ในการถ่ายภาพแต่ละครั้ง กล้องดิจิตอลของ iPhone 4 ก็จะทำการถ่ายภาพภาพเดียวกันนี้ ด้วยค่ารูรับแสงที่แตกต่างกัน 3 ภาพ ได้แก่ ภาพที่มืดกว่าปกติ, ภาพปกติ และ ภาพที่สว่างกว่าปกติ จากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของซอฟต์แวร์ในการรวบรวมภาพทั้งสามเข้ามาเป็นภาพเดียวกัน ทำให้ภาพเกิด Dynamic Range ที่มากขึ้น ซึ่งปกติไม่สามารถทำได้จากการถ่ายภาพเพียงครั้งเดียว
โดยปกติแล้ว การถ่ายภาพแบบ HDR นั้นจะค่อนข้างยุ่งยาก เพราะต้องถ่ายภาพด้วยค่า Exposure ที่แตกต่างกันอย่างน้อย 3 ภาพ (ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น) จากนั้นก็จะต้องใช้ซอฟต์แวร์ในการรวบรวมข้อมูลภาพทั้งสาม ให้กลายเป็นภาพเดียว ... ซึ่งตรงนี้คือจุดเด่นของ HDR บน iPhone 4 iOS4.1 คือความง่ายในการใช้งาน เพราะเพียงแค่แตะหน้าจอเพื่อเปิดใช้คุณสมบัติ HDR เท่านั้น เราก็สามารถใช้ iPhone 4 ในการถ่ายภาพแบบ HDR ได้ในทันที โดยไม่ต้องยุ่งยากถ่ายภาพหลายๆ ภาพ แล้วใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผลเลยแม้แต่น้อย
ลองดูภาพถ่ายคิวคนซื้อ Krispy Kreme ที่ผมถ่ายข้างต้น ในโหมด HDR ของ iPhone 4 ดูครับ จะเห็นว่ารายละเอียดของตึกที่อยู่ด้านหลังนั้นเห็นได้ชัดเจนขึ้นมาก ในขณะที่ภาพของคนต่อคิวนั้นก็ไม่ได้มืดลงมากแต่อย่างใด
ลองดูอีกซักรูปครับ จะได้เห็นความแตกต่างของภาพถ่ายแบบปกติ กับภาพถ่ายแบบ HDR
จะเห็นได้ชัดเจนว่าภาพด้านบนนั้น บริเวณที่เป็นท้องฟ้าจะสว่างเวอร์มากจนขาดรายละเอียดของเมฆไปอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ภาพล่างที่ถ่ายแบบ HDR นั้น ท้องฟ้าจะดูสวยงามกว่า
ภาพด้านล่างเป็นการถ่ายแบบ HDR
ข้อมูลจาก http://www.iphone4society.com/tips/hdr-photography-iphone4 และ ภาพ HDR สวยๆจาก Teenee.com
ภาพกิจกรรม "คิดใส ใจสะอาด เพื่อชาติ เพื่อในหลวง"
ร่วมโครงการ "คิดใส ใจสะอาด เพื่อชาติ เพื่อในหลวง"
17 พค. 54 ณ เอ็มซีซีฮอล เดอะมอลล์ บางกะปิ และอีก 3 ภูมิภาค
ภาพงานเปิดตัวโครงการ
17 พค. 54 ณ เอ็มซีซีฮอล เดอะมอลล์ บางกะปิ และอีก 3 ภูมิภาค
ภาพงานเปิดตัวโครงการ
ภาพกิจกรรม (1)
"การทดสอบบุคลิกภาพกับเป้าหมายชีวิตนักเรียน"
ระดับชั้น ม.3 และ ม.5 ณ โรงเรียสายปัญญา-รังสิต เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2555
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)



.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)











