2/28/2555

22 เคล็ดลับ ค้นพบตัวเองสู่งานในฝัน



25 วิธีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

         ทุกคนคงเคยได้ยินว่า "ถ้าได้ทำงานที่ตัวเองรัก คุณจะไม่ต้องทำงานเลยสักวัน"เพราะเราจะไม่รู้สึกว่าการทำงานเป็นเรื่องที่น่าเบื่อเลยสักนาที ในเมื่อมันคือสิ่งที่เรารักทั้งยังช่วยทำเงินได้อีกแน่ะ ลองสังเกตดูดี ๆ คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ก็เพราะทำงานที่ตัวเองรักทั้งนั้นแหละ แค่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ เรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรแล้ว แต่...การจะรู้ว่าตัวเองชอบอะไรไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ และบางคนกว่าะรู้ตัวก็อาจสายไปแล้ว 

         ดังนั้น ถ้าใครยังไม่ค้นพบตัวเองล่ะก็ ไม่ต้องกังวลไป วันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ จากเว็บไซต์ dumblittleman.com มาเป็นตัวช่วยค้นหาความฝันของตัวเอง พร้อมวิธีไปให้ถึงฝันมาบอกกันจ้า

 1. เช็คงานอดิเรก

         ลองนึกดูว่าในแต่ละวันคุณชอบทำอะไรบ้าง เช่น วาดรูป เล่นกีฬา อ่านหนังสือ เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คุณชอบ และเต็มใจทำโดยไม่ต้องมีเงินเดือน ใครจะรู้ งานอดิเรกของคุณอาจกลายเป็นอาชีพในอนาคตเข้าสักวันก็ได้

 2. พิจารณาความสามารถของตัวเอง

         อย่าพูดว่าคุณไม่มีอะไรเลย ทุกคนมีความสามารถกันทั้งนั้นแหละ แค่แตกต่างกันไปเท่านั้นเอง คุณอาจจะร้องเพลงเพราะ หรือเก่งวิชาไหนเป็นพิเศษตอนเรียน ลองสังเกตุตัวเองดูนะ

 3. เพื่อนร่วมงาน

         ลองถามตัวเองว่าคุณอยากทำงานกับคนแบบไหน เพราะเพื่อนร่วมงานก็เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกงานเช่นกัน พวกเขาจะมีผลกับบรรยากาศในที่ทำงานและตัวงานอย่างมากเลยล่ะ

 4. อุปกรณ์

         อุปกรณ์ที่คุณต้องใช้ในการทำงานก็ช่วยให้คุณค้นพบตัวเองได้ไม่ยาก เช่น ถ้าคุณรักการอยู่ท่ามกลางเสื้อผ้า คุณอาจเป็นว่าที่ดีไซเนอร์ ช่างเย็บผ้า และอื่น ๆ

 5. ที่ทำงาน

         คุณอยากทำงานในที่ทำงานแบบไหน บางคนอาจจะอยากนั่งทำงานในออฟฟิศที่มีคอมพิวเตอร์เยอะ ๆ หรือบางคนอาจจะอยากออกไปไหนมาไหนตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้อาจช่วยให้คุณตัดสินใจและแยกประเภทงานที่คุณอยากทำได้ง่ายขึ้น

 6. คุณมีความสุขที่สุดตอนไหน

         ตั้งแต่เด็กจนโต คุณมีความสุขมากที่สุดตอนช่วงวัยไหน ลองนึกย้อนดูว่าช่วงนั้นคุณชอบทำอะไร บางทีคุณอาจจะเจอสิ่งที่ตัวเองชอบมานานแล้ว แต่ไม่เคยรู้ตัวก็ได้

 7. ลองใช้เว็บไซต์ออนไลน์เป็นตัวช่วย

         มีเว็บไซต์ออนไลน์มากมายที่มีบริการช่วยให้คุณรู้จักอาชีพที่เหมาะกับความชอบของตัวเอง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ลองไปหามาทำกันดู ไม่แน่น๊าา คุณอาจเจออาชีพในฝัน

 8. เขียนความชอบของตัวเอง 5 อันดับ

         ลองจัดอันดับเรื่องที่คุณชอบทำมาซัก 5 ข้อ จะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่คุณชอบ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่คุณถนัด และลองลงมือทำสิ่งที่ลิสต์มาดู อาจช่วยเจอเส้นทางที่คุณชอบเข้าก็ได้

 9. เขียนอาชีพที่คิดว่าเหมาะกับตัวเอง 5 อันดับ

         พยายามเขียนอาชีพออกมาให้เยอะที่สุดเท่าที่จะนึกออก แล้วลองพิจารณาอาชีพที่ตรงกับความชอบในลิสต์นี้ดู อาจเจออาชีพที่ถูกใจคุณก็ได้

 10. จินตนาการ

         ลองนึกภาพตัวเองทำงานในตำแหน่งที่คิดไว้ดูว่าตอนนั้นงานของคุณน่าจะเป็นยังไง เพื่อนร่วมงานและที่ทำงานเป็นแบบไหน แล้วเขียนออกมา จะทำให้คุณรู้ได้ชัดเจนขึ้นว่า คุณชอบและรู้จักงานที่คุณเลือกดีแน่แล้วหรือยัง

 11. วางแผนชีวิต

         ในเมื่อรู้แล้วว่าตัวเองชอบอะไรตอนนี้เราก็ควรวางแผนชีวิตให้ดีเพื่อจะได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ชอบ การหมั่นฝึกฝนทุกวัน หรือเลือกคณะเรียนที่เหมาะกับสายงานก็เป็นทางช่วยให้คุณมีโอกาสมากขึ้นเช่นกัน

 12. ปรึกษาผู้อื่น

         ลองปรึกษากับผู้อื่นดูบ้าง เผื่อจะได้ความคิดเพิ่มอีกหลาย ๆ ทางว่าคุณสามารถทำอะไรได้อีกเพื่อให้ได้ทำงานที่ฝัน มันย่อมมีวิธีที่ทำให้คุณได้งานที่คุณต้องการอีกแน่ โอกาสมันมีอยู่เสมอนั่นแหละ

 13. หาข้อมูลอาชีพ

         จะหาอ่านจากเว็บไซต์หรือตามหนังสือก็ได้ เพื่อให้คุณรู้ขอบเขตของงานมากขึ้น จะได้พัฒนาทักษะที่ตัวเองไปในทางทีถูกต้อง

 14. หาข้อมูลผู้ที่ทำอาชีพนี้

         ไปลองอ่านประวัติคนที่ทำอาชีพนั้น ๆ ดู ว่าเขามาทำอาชีพนี้ได้อย่างไร เขามีความสามารถอะไร จะได้เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง และเป็นการศึกษาแนวทางไปในตัวด้วยยังไงล่ะ

 15. ฝึกฝน 

         ฝึกทักษะที่ควรมีให้เก่งยิ่งขึ้น จะลองฝึกที่บ้านทุกวัน หรือจะไปฝึกงานเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อให้ได้เรียนงานและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวเองก็จะดีไม่น้อย

 16. หาแรงบันดาลใจ

         ลองหาบทความเกี่ยวกับผู้คนที่ประสบความสำเร็จมาอ่าน ว่าเขาเจออุปสรรคอะไรมาบ้าง และเขาผ่านมาได้อย่างไร จะได้เป็นกำลังใจให้เรา ในเวลาที่เรารู้สึกท้อแท้

 17. หาแรงผลักดัน

         บางครั้งที่นึกไม่ออก บอกไม่ถูก รู้สึกเฉื่อย ๆ หรือหมดพลัง ก็ลองหาแรงผลักดันใหตัวเองมุ่งมั่นที่จะได้งานนั้นยิ่งขึ้น เช่น สัญญาว่าจะให้รางวัลตัวเองถ้าได้งานที่ฝันไว้

 18. มุ่งไปที่เป้าหมาย

         เมื่อคุณเลือกสายงานนี้แล้วก็จงละความฝันอื่นทิ้งไป เพราะความลังเลทำให้คุณขาดความกระตือรือร้น มุ่งมั่น ที่จะเดินตามเส้นทางที่ตัวเองเลือก จงทำในสิ่งที่คุณปักหมุดไว้อย่างเต็มที่

 19. หาคีย์เวิร์ดสั้น ๆ มาผลักดันตัวเอง

         คิดถึงสิ่งที่คุณต้องมีเพื่อให้ได้งานเพียงสองถึงสามคำสั้น ๆ แล้วเขียนออกมาแปะไว้ในที่ ๆ คุณมองเห็นบ่อย ๆ จะทำให้คุณไม่ลืมจุดยืนความมุ่งมั่นของตัวเอง

 20. จัดเวลาฝึกฝน

         จัดเวลาให้แน่นอนว่าจะใช้เวลาส่วนหนึ่งของทุก ๆ วันฝึกฝนตัวเองในเรื่องใดบ้าง อย่างน้อยแค่วันละครึ่งชั่วโมง หรือใครอยากจะทำมากกว่านี้ก็ได้ ตามแต่สะดวกเลยจ้า

 21. บอกตัวเองว่าเราจะล้มเหลวไม่ได้

         ย้ำกับตัวเองว่าไม่ว่าวันไหนที่เราล้มก็จะสามารถลุกขึ้นมาใหม่ได้ ไม่มีใครล้มไปตลอดกาล และคนที่กล้าเผชิญหน้าเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จ

 22. ใช้ชีวิตเหมือนทุกวันเป็นวันสุดท้าย

         ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่รอ จงลงมือทำก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำ อย่างน้อยก่อนจะถึงวันสุดท้ายของชีวิต เราก็ได้รู้ว่าฝันของเราเป็นจริงแล้ว


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

อันตราย...ถ้าไม่คิดก่อนกิน





อาหารที่เราเลือกรับประทานทุกวันนี้คุณมั่นใจไหมว่า อาหารที่ทานไปนั้นมีความสะอาด มีคุณภาพ และไม่เกิดอันตรายในอนาคต และการมองข้ามเรื่องความปลอดภัย

โดยคำนึงถึงแต่รสชาติ ความอร่อยของอาหาร เราจึงเลือกซื้ออาหารโดยไม่ทันคิด ว่าอาหารแต่ละอย่างนี้ มีวิธีการผลิตอย่างไร และวันหมดอายุเมื่อไหร่ ควรจะเก็บรักษาอาหารอย่างไร 

วันนี้ขอเสนอ ข้อแนะนำจาก ผู้เชี่ยวชาญด้าน เรื่องเกี่ยวกับการทำ GMP ของโรงงานผลิตอาหารต่างๆ
(GMP ย่อมาจาก Good Manufacturing Practice หมายถึง หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหารเป็นเกณฑ์ หรือข้อกำหนดขั้นพื้นฐานที่จำเป็นในการผลิตและควบคุมเพื่อให้ผู้ผลิตปฏิบัติตามและทำให้สามารถผลิตอาหารได้อย่างปลอดภัย โดยเน้นการป้องกัน และขจัดความเสี่ยงที่อาจจะทำให้อาหารเป็นพิษเป็นอันตรายหรือเกิดความไม่ปลอดภัยแก่ผู้บริโภค)

Clean food มีเกร็ดต่างๆ มาเล่าให้ฟังดังนี้

1. พวกขนมปังปี๊บ กระบวนการผลิตบางแห่งไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นไส้สับปะรด, มันแกวหรือพืชอื่นๆ มักกวนใส่น้ำตาล และใส่กลิ่นกับแกนสัปปะรดไปนิดหน่อย

2. เชอรี่บนขนมเค้กราคาถูกตามตลาดสด คือ มะเขือเปาะฟอกสีจนใสเป็นวุ้น 
แล้วย้อมสีแดง (ผงฟอกสีทำให้เป็นโรคไต) พวกที่ใช้สารฟอกสีอื่นๆ เช่น มะม่วงกวน (แผ่นใสๆ) ยอดมะพร้าวขาวๆ

3. ซูชิในตลาดนัดที่อากาศร้อน แบคทีเรียจะเจริญเติบโตเร็ว ชูชิต้องเสริฟเย็นเท่านั้น

4. เอแคลร์กับลูกชุบ หรือขนมอะไรที่ต้องมีการปั้น ๆ ถู ๆ ต้องพึงระวังสุขอนามัย 
ควรซื้อกับร้านค้าที่รู้จักหรือมีชื่อเสียงเท่านั้น

5. ลูกอมสีอื่นๆ เช่น ฟ้า เขียว ม่วง เป็นสีที่ขายไม่ดีไม่ควรซื้อเพราะใช้สีที่เก็บไว้นาน 
ทานลูกอมสีแดง ขาว ได้

6. ปลายหน้าร้อนต่อต้นหน้าฝน ไม่ควรกินอาหารทะเล เพราะฝนเริ่มตกจะชะฝุ่นบนพื้นดินลงทะเลและสัตว์ทะเลจะกินเข้าไป จะมีแต่ไวรัส แบคทีเรีย โอกาสท้องเสียมีสูง

7. พวกอาหารแพ็คสำเร็จรูป มาอุ่นด้วย microwave ที่บ้าน wave ได้ ครั้งเดียวเท่านั้น
ไม่ควรล้าง Package ภาชนะที่ใส่อาหารมาใช้ด้วยการเข้า microwave ซ้ำเพราะสารพิษจะออกมา

8. โยเกริ์ตต่างๆจะมีแป้งผสมอยู่ประมาณ 20% ควรทานโยเกริ์ต Home made ถ้วยเล็ก ๆ (ลองหยดไอโอดีนพิสูจน์ดูก็ได้ จะพบว่าโยเกริ์ตเป็นสีน้ำเงิน)

9. น้ำปลาเปิดขวดแล้ว ควรมีอายุการใช้ไม่เกิน 1 เดือน

10. ระวังเชื้อราตามคอขวดที่เปิดแล้วต่างๆ

11. กระดาษหนังสือพิมพ์ อย่าเอามาห่อผักแช่ตู้เย็น (เพราะมีสารพิษ จากหมึก)

12. อาหารกระป๋องถ้าใช้ไม่หมดควรเอาออกจากกระป๋องใส่ภาชนะอื่นแช่ตู้เย็น

13. ฟองน้ำล้างจานที่มีน้ำยาผสมน้ำทิ้งไว้ (เป็นน้ำๆ) ทิ้งไว้ได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง 
แบคทีเรียจะขึ้น ควรเททิ้งไปหรือล้างฟองน้ำให้สะอาดทุกครั้งที่ใช้งาน

14. อาหารหมักดองต้องระวังมีไวรัสที่ทำลายกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง 
ผักกาดดองตามท้องตลาด ในโรงงานบางแห่งจะมีกระบวนการผลิตที่ไม่สะอาด
(ใช้คนลงไปในอ่างดอง เราไม่แน่ใจว่าคนนั้นๆ มีโรคหรือไม่) ควรใช้ผักกาดดองกระป๋องที่เชื่อถือได้

15. เบียร์สดจะไม่กรองยีสต์ที่ตายแล้วออก เราจะกินยีสต์ที่ตายแล้วเข้าไปด้วย
(เบียร์ขวดจะถูกกรองไปแล้ว) ยีสต์ที่ตายและจะเหลือผนังเซลล์ของยีสต์มีประโยชน์เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพ กินได้ไม่เป็นไร 

ความรู้ที่ให้พวกท่านทราบในวันนี้อาจจะเกิดประโยชน์ ในการเลือกอาหารที่ท่านชื่นชอบและวิธีการเก็บรักษาการถนอมอาหารต่างๆ แก่ท่านไม่มากก็น้อย และนี้เป็นเพียงแค่บางส่วนยังมีอาหารอีกมากที่เรายังไม่ทราบกัน แล้วจะนำข้อมูลใหม่ๆ มาอัพเดทให้ทราบกันอีกในโอกาสหน้าค่ะ

2/22/2555

ASEAN Community in 2015

เผยคลิประทึก ระเบิดสะพานแขวนในสหรัฐฯ











เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube.com โพสต์โดย OhioTransportation

          เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ เปิดเผยคลิปวิดีโอสุดระทึก วินาทีระเบิดสะพานแขวนข้ามแม่น้ำในรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย หลังถูกปิดใช้งานเพราะสะพานเสื่อมสภาพมากว่า 2 ปีแล้ว

           โดยสะพานแห่งนี้มีชื่อว่า สะพานฟอร์ต สติวเบน พาดผ่านแม่น้ำโอไฮโอ เพื่อเชื่อมต่อเมืองสติวเบนวิลล์ เมืองโอไฮโอ และเมืองเวียร์ตัน ในรัฐเวสต์เวอร์จิเนียของสหรัฐ ก่อสร้างตั้งแต่ปี 1929 จนถึงวันนี้ นับว่าสะพานแห่งนี้มีอายุกว่า 83 ปีแล้ว และมันก็เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา


           รายงานระบุว่า สะพานแห่งนี้ถูกปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 2009 หลังจากกระทรวงคมนาคมเมืองโอไฮโอของเวสต์เวอร์จิเนียได้ตรวจสอบพบว่า ตัวสะพานนั้นทรุดโทรมมากจนยากที่จะซ่อมแซมได้ จึงปล่อยให้สะพานแห่งนี้กลายเป็นสะพานร้าง ไร้ผู้คนสัญจรมากว่า 2 ปี

           จนกระทั่งในที่สุด เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมก็ได้มาดำเนินการระเบิดสะพานแห่งนี้ โดยนำระเบิดกว่า 136 ลูกไปวางตามแนวสะพาน จากนั้นก็จุดระเบิด และสะพานก็พังพินาศลงในสู่แม่น้ำภายในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

           อย่างไรก็ดี ทางการได้ปิดการสัญจรทางน้ำบริเวณดังกล่าว 24 ชั่วโมงหลังระเบิดสะพานแล้ว เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปเก็บกู้ซากสะพานนั่นเอง


Joshua Bell "Stop and Hear the Music" by the Washington Post



เช้าวันนึงในวันที่อากาศหนาวของเดือนมกราคม ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่เมืองวอชิงตัน ดีซี ในชั่วโมงเร่งด่วน ขณะที่ทุกคนรีบไปทำงาน มีชายคนหนึ่งวางสัมภาระลงและเริ่มเล่นไวโอลิน บทประพันธ์ของบาค เป็นเวลา 45นาที มีผู้คนผ่านไปมาประมาณ 1,100 คน

3 นาทีผ่านไปมีชายวัยกลางคนสังเกตุเห็นนักไวโอลิน เขาชะลอฝีเท้า และก็รีบเดินต่อไป

อีกนาทีนึงต่อมา เขาได้รับเงินดอลล่าร์แรก จากผู้หญิงคนนึงที่ให้เงินโดยไม่หยุดเดิน แล้วก็เลยจากไป

ไม่กี่นาทีต่อมาชายคนนึง เอนหลังพิงกำแพงดูการแสดงของนักไวโอลิน แต่ก็ไม่วายมองนาฬิกาแล้วก็ออกเดินต่อ

คนที่ตั้งใจดูมากที่สุด ดูจะเป็นเด็กน้อยอายุ 3 ขวบ แต่แม่ก็พยายามบังคับให้หนูน้อยเดินต่อ และดูเหมือนเด็กๆทุกคนก็จะชอบดู แต่โดนพ่อแม่ บังคับให้รีบเดินต่อเหมือนกัน

ตลอดระยะเวลาการแสดง 45 นาที มีเพียงคนที่หยุดดู และใช้เวลา มีคนให้เงินวณิพก 20 คน เป็นจำนวน 32ดอลล่าร์ เมื่อการแสดงจบลง ความเงียบงันก็เข้าแทนที่ ไม่มีใครรู้ว่าการแสดงจบแล้ว ไม่มีเสียงปรบมือ เหมือนไม่มีใครรับรู้เลยว่าเคยมีการแสดงเกิดขึ้น

ไม่มีใครรู้ว่านักไวโอลินคนนั้นคือ โจชัว เบล (Joshua Bell) หนึ่งในนักไวโอลินที่เก่งที่สุดในโลก เขาเลือกเล่นเพลงที่เป็นบทประพันธ์ที่ยากและไพเราะที่สุดบทหนึ่ง ด้วยไวโอลินราคากว่า 100ล้านบาท 

2 วันก่อนหน้าที่เขาจะมาแสดงในรถไฟฟ้าใต้ดิน บัตรคอนเสิร์ตที่บอสตันของเขาขายเกลี้ยงในพริบตา ที่ราคาบัตรเฉลี่ยตกใบละ 3,500 บาท และเพลงที่เล่นวันนี้ก็เป็นเพลงเดียวกับในคอนเสิร์ตที่บอสตัน

นี่คือเรื่องจริงที่เป็นการทดลองของหนังสือพิมพ์ชื่อดัง The Washington Post เพื่อทดสอบ การรับรู้ การจัดลำดับความสำคัญ ของผู้คน คำถามที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อทดสอบคือ: ในสภาพแวดล้อมทั่วไป ในช่วงเวลาที่ทุกคนรีบเร่ง เราเห็นความงามมั้ย? เราจะหยุดเพื่อชื่นชมสิ่งที่สวยงามหรือไม่ เราจะเห็นสิ่งมหัศจรรย์ในที่ๆเราไม่คาดคิดหรือไม่

หรืคำตอบของการทดลองนี้อาจจะเป็น:

ถ้าเราไม่มีเวลาหยุดเพื่อฟังนักดนตรีระดับโลก เล่นหนึ่งในบทประพันธ์เพลงที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ จากเครื่องดนตรีชั้นเยี่ยมแล้วล่ะก็.. จะมีอีกซักกี่อย่างแล้วหนอในชีวิต..ที่เราได้พลาดไป

ชมวิดีโอการแสดงในวันนั้นของ Joshu Bell ที่: http://www.youtube.com/watch?v=myq8upzJDJc

2/20/2555

ตัวอย่างข้อสอบ O-Net ม.6 18-19 กพ. 55 กวนๆ

ศูนย์ข่าวการศึกษาไทย   นำตัวอย่างข้อสอบ O-Net ของน้องๆ ม.6 เมื่อวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา มานำเสนอ
     
เนื่องจากมีน้องๆ หลายคนงงกับข้อสอบ
     
ผู้อ่าน มติชนออนไลน์ ลองทำข้อสอบ  4 ข้อต่อไปนี้
    
ใครตอบได้ โดยไม่  งง  เป็นไก่ตาแตก
    
แสดงว่า  ไอคิว 180   ครับ





ที่มา  มติชนออนไลน์

การสร้างคุณค่าของตนเอง เพื่อพัฒนาตนเองด้วยการเปลี่ยนแปลง

คุณค่า (Value) ทุกคนมักได้ยินกันจนคุ้นชิน แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจที่จะนำมาสร้างเป็นคุณค่าของตนเองอย่างจริงจังในการพัฒนาตัวเอง เพิ่มคุณค่าในตัวเอง เพื่ออนาคตที่ดีขึ้น
เราสามารถนำคำว่าคุณค่ามาเป็นสัญลักษณ์เป็นโลโก้ประจำตัวเราได้ ด้วยการฝึกฝน 6 ขั้นตอนดังนี้
1. หาจุดเด่นของตัวเอง (เรื่องที่ชอบ เรื่องที่ถนัด เรื่องที่เพื่อนๆยอมรับให้เราทำบ่อยๆ) อาจเขียนให้ได้ประมาณ 5-10 ข้อแล้วค่อยมาตัดออกแล้วเลือกที่เจ๋งที่สุด เป็นเรื่องที่เราเลือกทำแล้วมีความสุขและสนุก ไม่ท้อถอยแม้ยามมีอุปสรรค สำคัญคือเราอยากพัฒนาโดยที่ไม่ต้องมีใครมาสั่ง ด้วยการทำผลงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
 
2. นำเรื่องนี้มาเขียนเป็นเป้าหมาย เช่น ภายใน 6 เดือน จะทำเรื่อง………..ให้มีผลคือ…………….. (เขียนติดไว้จุดที่เห็นง่าย และอ่านทุกวัน ก่อนออกจากบ้าน)
 
3. วางแผนการทำให้บรรลุเป้า เป็นกำหนดการที่ชัดเจน โดยวางเป็นเดือน สัปดาห์ และวัน จาก 6 เดือน โดยระบุแผนงานย่อยให้ชัดเจน เช่นกิจกรรม ขั้นตอน เพื่อให้เป็นแผนที่ที่ชัดเจนที่สุด
 
4. ฝึกฝนทุกวัน ด้วยการกำหนดเป็นกติกาสำหรับตัวเอง สำคัญต้องเขียนให้ชัดเจน แล้วเล่าให้เพื่อนหรือบุคคลที่เราไว้ใจ ที่สามารถเตือนเราได้ เพื่อจะได้ช่วยกระตุ้นให้เรามองเป้าหมาย โดยไม่ลดละเลิก
 
5. คิดบวกเข้าไว้ (หากวันไหนลืมก็ไม่ต้องกังวล นึกได้ก็ทำ ไม่ต้องโทษตัวเอง) เพราะหากท่านรู้สึกผิด อาจเลิกได้ง่ายไป
 
6. กล้าถามบุคคลรอบข้างว่าเราเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างไม่ต้องกลัวคำตอบ (หากเราสามารถฝึกฟังได้เราจะได้เลือกฟังแต่ข้อเท็จจริงแยกจินตนาการออกได้แสดงว่าเราใกล้สำเร็จ) แต่ที่สำคัญเราจะได้ข้อมูลในการพัฒนาตัวเองต่อได้อย่างดี
 
เมื่อท่านสามารถฝึกฝนได้ 1 เรื่องแล้ว เชื่อไหมค่ะ ว่าท่านจะมีพลังมหาศาลในการ อยากพัฒนาเรื่องอื่นๆ ขึ้นอีกอย่างไม่ยากอีกต่อไป เพียงแค่เริ่มต้นให้ได้ ไม่ช้า ความสำเร็จในการเห็นคุณค่าของตนเอง จะส่งผลต่อพลังในการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งกับศักยภาพภายในตัวคุณจริงๆ
 
 
คุณค่าเราสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตัวเรา เราฝึกบ่อยๆๆคุณค่าของเราก็ชัดเจนขึ้น สามารถนำคุณค่าที่มีไปใช้ประโยชน์ได้เหมาะสมกับสถานที่ เวลา เหตุการณ์ อย่างเหมาะสม



โดย อาจารย์ สุณิชชา ชอบชัย

ผลงานที่ดีมีประสิทธิภาพ ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่มีคุณภาพ



การเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาสให้เราโตขึ้น กลับมาอยู่กับตัวเองด้วยแนวคิดของตัวเองสไตล์ที่ตัวเองมีความสุขกับการเดินทาง 
เดินทางอย่างไรให้มีความสุขกับวิถีความเป็นจริง ด้วย 12 ประเด็นพัฒนาตัวเองด้วยตัวเอง โดยตัวเอง เพื่อตัวเอง กับการโค้ชตัวเอง
1. อ่านหนังสือ แล้วใช้ความคิดกลั่นกรองออกมาเป็นแนวของตัวเอง
2. ความเชื่อมั่นในตนเองควรเป็นของตนเองมากกว่าจำเขามาเชื่อ
3. เขียนเป้าหมายของตัวเอง เป็นตัวหนังสือ ลงกระดาษ ให้ชัดเจนด้วยตัวเอง
4. ทำงานเป็นทีม (รักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อบุคคลรอบข้าง) ของตัวเอง
5. ภูมิใจในความสามารถของตนเอง คิดไว้ว่า “เราทำได้”
6. ควรลงมือทำก่อนตอบว่าฉันทำได้หรือไม่ได้
7. สะสมประสบการณ์ให้มากเพื่อเป็นต้นทุนของการทำงาน
8. ฝึกทำอะไรที่รู้สึกฝืนใจบ้าง เช่น ใช้มือข้างไม่ถนัด, อยู่กับความอึดอัด, ใช้อารมณ์อย่างรู้คุณค่า อยู่กับตัวเองแบบเงียบๆ บ้าง รักตัวเองให้เป็น
9. อย่ารีบช่วยเหลือคนอื่นเร็วไป (ใจเย็นๆ ดูองค์ประกอบก่อนการตัดสินใจช่วย)
10. คำพูดที่ควรฝึกไว้เป็นประจำ คือ “มีอะไรให้ช่วยไหมค่ะ” , “มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะค่ะ ”
11. เป้าหมายต้องการสบายวันนี้ต้องลำบากก่อน หรือว่าวันนี้คุณสบายก่อนได้เลยแต่ปลายทางชัดเจนว่าต้องลำบากแน่นอน วางแผนที่ชีวิตตัวเอง
12. คิดบวกเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากในชีวิตเป็นเหมือนเสาเข็มของชีวิตคนเราหากพื้นฐานความคิดดี ทุกสิ่งดีๆ ก็จะดึงดูดเข้าหาตัวเราอย่างแน่นอน

หากคุณไม่อ่านหนังสือ คุณก็จะไม่ทราบเรื่องราวในหนังสือเล่มนั้น
การฝึกฝน เป็นบทเรียนสำคัญ หากคุณไม่ทำ ก็จะไม่เรียนรู้




โดย อาจารย์ สุณิชชา ชอบชัย